Short Put

โครงสร้างของกลยุทธ์

Short Put คือการ ขายสิทธิ์ในการขาย สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ในราคาที่กำหนด (Strike Price) ภายในเวลาที่กำหนด (Expiration Date)

ผู้ขาย Short Put มีภาระผูกพัน ต้อง “รับซื้อ” หุ้นที่ Strike Price ถ้าผู้ซื้อใช้สิทธิ์

หลักการง่าย ๆ:

  • ถ้าราคาหุ้นไม่ตกต่ำกว่า Strike → เก็บ Premium เต็มเป็นกำไร
  • ถ้าราคาหุ้นตกต่ำกว่า Strike → ต้องซื้อหุ้นในราคาสูงกว่าตลาด (ขาดทุน)

ตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ:
เหมือนคุณรับปากว่าจะซื้อคอนโดในราคา 3 ล้านบาทในอีก 3 เดือน
ถ้าราคาตลาดตกไป 2.5 ล้าน → คุณยังต้องซื้อที่ 3 ล้าน


Payoff Diagram

Payoff ของ short put

โครงสร้างพื้นฐานของ Short Put:

  • สิ่งที่ทำ: ขาย Put Option
  • มุมมองตลาด: คาดว่าราคาจะ “ไม่ลดลงแรง” (Neutral to Bullish)
  • รายรับ: ได้รับ Premium ล่วงหน้า (เช่น $500)
  • Max Profit: จำกัดที่ค่า Premium ที่ได้รับ (เช่น $500)
  • Max Loss: สูงสุดเมื่อราคาหุ้นลงไปถึง $0
    = Strike Price - Premium
    เช่น $100 - $5 = $95 x 100 = $9,500
  • Break-even Point:
    = Strike Price - Premium
    = $100 - $5 = $95

วิเคราะห์กราฟ Payoff:

  • หากราคาหุ้นอยู่เหนือ Strike (เช่น > $100) → ผู้ซื้อจะไม่ใช้สิทธิ์
    ผู้ขายจะได้กำไรเต็มจำนวน Premium ที่ได้รับ
  • หากราคาหุ้นต่ำกว่า Break-even ($95) → เริ่มขาดทุน
  • ราคายิ่งต่ำ → ขาดทุนยิ่งสูง (จนถึง 0)

พฤติกรรมของกลยุทธ์

ปัจจัยพฤติกรรมอธิบายเพิ่มเติม
ราคาหุ้นขึ้นหรือนิ่งกำไรสูงสุด = Premiumไม่มีการใช้สิทธิ์, รับ Premium เต็ม
ราคาหุ้นลงขาดทุนตามการลดลงของราคาต้องซื้อหุ้นที่ Strike Price

พฤติกรรมทาง Greek

Greekลักษณะทำไมเป็นแบบนี้หมายเหตุ (ลงลึก)
Deltaบวกเพราะ Short Put ได้กำไรเมื่อหุ้นนิ่งหรือขึ้น → Delta บวกDelta ใกล้ 0 เมื่อ Put OTM ไกล
GammaลบShort Option มี Gamma ลบ → ความเสี่ยงเพิ่มถ้าหุ้นขยับราคาลงแรงเสี่ยงขาดทุนไว
Thetaบวกได้ประโยชน์จากการเสื่อมค่าของเวลา → Theta บวกเวลาผ่านไปโดยไม่มีการขยับมากคือกำไร
Vegaลบความผันผวนเพิ่มทำให้ Option แพงขึ้น → Vega ลบตลาด Panic ทำให้ Short Put ขาดทุนจาก Vega

เทคนิคการเลือกตั้งค่ากลยุทธ์ (Tuning and Optimization)

การเลือก IV (Implied Volatility)

  • สิ่งที่เลือก: เลือก IV สูงก่อนขาย
  • ทำไมถึงเลือกแบบนี้: รับ Premium สูง ชดเชยความเสี่ยง
  • เป้าหมายปลายทาง: หวังให้ IV ลดลงและราคานิ่ง
  • ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: ถ้าหุ้นตกแรงและ IV เพิ่ม → Double Loss

การเลือก Strike Price

  • สิ่งที่เลือก: เลือก Strike ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (OTM)
  • ทำไมถึงเลือกแบบนี้: ลดโอกาสถูกบังคับรับซื้อหุ้น
  • เป้าหมายปลายทาง: หุ้นไม่ตกถึง Strike
  • ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: Strike ใกล้เกินเสี่ยงโดน Assigned

การเลือก Expiration Date

  • สิ่งที่เลือก: เลือก Expiry ประมาณ 30-45 วัน
  • ทำไมถึงเลือกแบบนี้: ใช้ประโยชน์จาก Theta Decay
  • เป้าหมายปลายทาง: ให้ Option เสื่อมเร็วเพื่อปิดกำไร
  • ความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา: ความผันผวนระยะสั้นทำให้พอร์ตเหวี่ยง

ตัวอย่างการใช้งานจริง (Case Study)

กรณีกำไร

  • ขาย Short Put Strike $100, รับ Premium $3.00
  • หุ้นปิดที่ $105 ก่อนหมดอายุ
  • ไม่มีการใช้สิทธิ์ → กำไรเต็ม Premium = $300

สาเหตุที่กำไร:

  • หุ้นไม่ตก
  • Theta Decay ช่วยให้ Option หมดค่า

กรณีขาดทุน

  • ขาย Short Put Strike $100, รับ Premium $3.00
  • หุ้นตกลงไปที่ $90 ก่อนหมดอายุ
  • ขาดทุน = ($100 - $90) - $3 = $7 ต่อหุ้น
  • ขาดทุนสุทธิ = $7 × 100 = $700

สาเหตุที่ขาดทุน:

  • หุ้นตกแรงเกิน Strike
  • Gamma Risk ทำให้ขาดทุนสะสมเร็ว

ข้อดี / ข้อเสีย

ข้อดีข้อเสีย
ได้รับ Premium ทันทีขาดทุนมากถ้าหุ้นตกแรง
ได้กำไรจากตลาดนิ่งหรือตลาดขึ้นต้องระวังตลาด Panic
ได้ประโยชน์จาก Theta DecayVega Risk ถ้า Volatility เพิ่ม

สรุปบทเรียน

  • Short Put เหมาะกับตลาดนิ่งหรือขาขึ้น
  • ต้องบริหารความเสี่ยง และเลือก Strike ที่ห่างอย่างรอบคอบ
  • ถ้าเตรียมรับหุ้นได้ → ใช้ Short Put เป็นกลยุทธ์เข้า DCA ได้ด้วย