Tail Risk Hedging

Tail Risk Hedging

บทนำ

ในตลาดการเงิน เหตุการณ์สุดขั้ว (Tail Event) เช่น Crash ใหญ่ หรือ Panic Sell-off อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด แม้จะมีโอกาสน้อยแต่เมื่อเกิดขึ้นมักสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับพอร์ตลงทุน ดังนั้น การวางแผน Tail Risk Hedging จึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก

ตัวอย่าง 1 : Tail Risk Hedging ด้วย Long Put Option

บริบท

  • พอร์ตการลงทุนมีสัดส่วนหุ้นสูง (เช่น 80%)
  • กังวลว่าตลาดอาจเกิด Correction รุนแรงในช่วงต่อไป เช่น จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว, ความเสี่ยงทางการเมือง, หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด
  • ต้องการป้องกัน Drawdown ครั้งใหญ่โดยไม่ต้องขายหุ้นออกจากพอร์ต

กลยุทธ์ที่เลือก

  • ซื้อ Long Put Option บน SPY (หรือ ETF ดัชนีตลาด)
  • เลือก Strike Price ต่ำกว่าราคาปัจจุบันประมาณ 5-10% (Out-of-the-Money)
  • เลือก DTE (Days to Expiration) ประมาณ 60-90 วัน เพื่อให้มีเวลารองรับเหตุการณ์ใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น
  • ลงทุนใน Hedging ส่วนนี้เพียง 1-2% ของมูลค่าพอร์ต

เหตุผลที่เลือกวิธีนี้

  • Put Option ทำหน้าที่เหมือน “ประกันภัย” เมื่อราคาหุ้นตกหนัก มูลค่า Put จะเพิ่มขึ้นทวีคูณ
  • จำกัดขาดทุนสูงสุดที่ Premium ที่จ่ายไป
  • ไม่จำเป็นต้องขายหุ้นที่ถืออยู่เพื่อป้องกันพอร์ต

ตัวอย่าง 2 : Tail Risk Hedging ด้วย VIX Option

บริบท

  • ดัชนี VIX (Volatility Index) มักจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิด Panic หรือ Crash
  • ต้องการ Hedge ความเสี่ยงของพอร์ตในกรณีที่ตลาดเกิดความผันผวนอย่างเฉียบพลัน โดยเน้นการเพิ่มมูลค่าของ Hedge ได้รวดเร็ว

กลยุทธ์ที่เลือก

  • ซื้อ VIX Call Option ที่ Strike อยู่เหนือระดับปัจจุบันพอสมควร (เช่น 10-20% OTM)
  • เลือกสัญญาที่มี DTE ประมาณ 30-60 วัน เพื่อให้สามารถจับจังหวะความผันผวนที่เพิ่มขึ้นได้ทัน
  • ลงทุนใน Hedging ส่วนนี้เพียง 0.5-1% ของพอร์ต

เหตุผลที่เลือกวิธีนี้

  • VIX มีลักษณะพุ่งขึ้นเร็วมากเมื่อเกิด Tail Event ทำให้ VIX Call Options สามารถสร้างผลตอบแทนหลายเท่าตัวได้ภายในระยะเวลาสั้น
  • VIX มี Correlation เชิงลบสูงกับตลาดหุ้น ทำให้เป็น Hedge ที่มีประสิทธิภาพในกรณี Crash

การบริหารความเสี่ยงและการปรับกลยุทธ์

  • กำหนดงบประมาณ Hedge ชัดเจน เช่น ลงทุนไม่เกิน 1% ของพอร์ตใน VIX Options
  • มอนิเตอร์ระดับ VIX และราคา Option อย่างใกล้ชิด
  • หาก VIX พุ่งขึ้นสูงถึงเป้าหมาย เช่น เพิ่มขึ้น 50-100% จากระดับเริ่มต้น ให้ทยอยปิดหรือล็อกกำไร
  • หาก Option ใกล้หมดอายุและไม่มีสัญญาณความผันผวนที่เพิ่มขึ้น ให้ปล่อยหมดอายุหรือต่อสัญญาใหม่ตามความเสี่ยงของตลาด

ผลลัพธ์ตัวอย่าง

  • ในช่วง COVID Crash ปี 2020:
    • VIX พุ่งจาก 15 เป็นกว่า 80 ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน
    • VIX Call Option มูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 500-1000% ในบาง Strike
    • ช่วยสร้างกำไรจาก Hedge อย่างมีนัยสำคัญและชดเชยการขาดทุนจากพอร์ตหุ้นหลักได้อย่างดี

บทเรียนสำคัญ

  • การใช้ VIX Options เป็น Tail Risk Hedge มีประสิทธิภาพสูงในเหตุการณ์ที่ตลาดเกิดความผันผวนรุนแรงในระยะสั้น
  • อย่างไรก็ตาม ต้องบริหาร Position Size อย่างระมัดระวัง เพราะ Premium ของ VIX Options มีการเสื่อมสภาพเร็วเมื่อไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง
  • การเข้าใจธรรมชาติของ VIX และการเคลื่อนไหวของ Volatility เป็นกุญแจสำคัญในการใช้กลยุทธ์นี้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปเปรียบเทียบ Tail Risk Hedging

วิธีการจุดเด่นข้อควรระวัง
Long SPY Putปกป้องพอร์ตจากการร่วงของหุ้นโดยตรง, จำกัดความเสี่ยงที่ PremiumPremium แพงถ้า IV สูงมาก, ต้องเลือก Strike และ DTE ให้เหมาะสม
VIX Call Optionตอบสนองต่อความผันผวนที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว, ผลตอบแทนสูงเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงPremium เสื่อมเร็วถ้าไม่เกิดความผันผวน, ต้องบริหารขนาด Position อย่างเข้มงวด
การเลือกเครื่องมือ Tail Risk Hedge ควรพิจารณาทั้งธรรมชาติของตลาด, ความถี่ของการ Hedge และงบประมาณที่ยอมรับได้ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างต้นทุนและประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยง