Put-Call Parity
Put-Call Parity
ความหมายของ Put-Call Parity
Put-Call Parity คือ ความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ที่ระบุว่า ราคาของ Call Option, Put Option และราคาของสินทรัพย์อ้างอิงต้องสอดคล้องกันในตลาดที่มีประสิทธิภาพ
หลักการนี้ช่วยป้องกันการเกิด Arbitrage (การทำกำไรจากความไม่สมดุลของราคา)
สูตรของ Put-Call Parity
สำหรับ European Option (ที่ใช้สิทธิ์ได้เฉพาะวันหมดอายุ):
Call Price + Strike / (1 + r)^t = Put Price + Stock Price
โดยที่:
- r = อัตราดอกเบี้ยปลอดความเสี่ยง
- t = เวลาจนถึงวันหมดอายุ (เป็นสัดส่วนของปี)
หากไม่มีดอกเบี้ยหรือปันผล และปรับให้ง่ายขึ้น (ในบริบททั่วไป):
Call Premium - Put Premium = Stock Price - Strike Price
ความหมายเชิงภาพรวม
- การถือ Call + เงินสด = การถือ Put + หุ้น
- มูลค่าของทั้งสองฝั่งต้องเท่ากัน หากไม่เท่ากัน จะเกิดโอกาสทำ Arbitrage
Put-Call Parity เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบความถูกต้องของราคาตลาด และเป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ Options ขั้นสูง เช่น Synthetic Positions
ตัวอย่างคำนวณ Put-Call Parity
- ราคาหุ้น (S) = 100 บาท
- Strike Price (K) = 100 บาท
- Call Premium = 7 บาท
- Put Premium = 5 บาท
ตรวจสอบ:
Call - Put = Stock - Strike
7 - 5 = 100 - 100
2 = 0 (ผิดปกติ)
หมายความว่า: มีความไม่สมดุล อาจมีโอกาส Arbitrage
การประยุกต์ใช้งานจริง
1. ตรวจสอบราคาตลาดผิดปกติ
- ถ้า Call และ Put ของ Strike เดียวกัน ราคาเบี่ยงเบนจากสูตร → ตลาดมี Inefficiency
2. สร้าง Synthetic Position
- ใช้การถือ Option และหุ้นผสมกันแทนการถือเพียงอย่างเดียว
- เช่น:
- Synthetic Long Stock = Long Call + Short Put
- Synthetic Short Stock = Short Call + Long Put
3. การบริหาร Arbitrage Strategy
- ในกรณีที่ตลาดเบี่ยงเบน → สร้าง Position ตาม Parity เพื่อล็อกกำไรแบบไร้ความเสี่ยง
ข้อจำกัดของ Put-Call Parity
- ใช้ได้แม่นยำเฉพาะ European Options
- ต้องไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างทาง (หากมี ต้องปรับสูตร)
- อัตราดอกเบี้ยต้องคงที่
- ต้องไม่มีค่าธรรมเนียมหรือข้อจำกัดการเทรดจริง (เช่น Margin Requirements)
สรุป
- Put-Call Parity แสดงความสัมพันธ์ที่แน่นอนระหว่างราคาของ Call, Put และหุ้น
- เป็นเครื่องมือวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาด Option และหุ้น
- ใช้ได้ทั้งในการตรวจจับ Arbitrage และสร้าง Synthetic Positions เพื่อการบริหารพอร์ตอย่างยืดหยุ่น