การจัดสรรพอร์ตสำหรับนักเทรดออปชั่น
การจัดสรรพอร์ตสำหรับนักเทรดออปชั่น
ความสำคัญของการจัดสรรพอร์ต (Portfolio Allocation)
ในการเทรด Option การวางโครงสร้างพอร์ตที่ดีมีความสำคัญเทียบเท่ากับการเลือกกลยุทธ์การเทรด เพราะจะช่วย:
- ลดความเสี่ยงจากการขาดทุนหนัก
- เพิ่มโอกาสการอยู่รอดระยะยาว
- เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเงินทุน (Capital Efficiency)
แนวคิดหลักในการจัดสรรพอร์ต
1. กระจายความเสี่ยง (Diversification)
- ใช้กลยุทธ์หลากหลาย เช่น Credit Spread, Debit Spread, Neutral Strategy
- กระจายสินทรัพย์ เช่น หุ้นรายตัว, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์
2. สมดุลระหว่างกลยุทธ์เชิงรับและเชิงรุก
- ผสมผสานกลยุทธ์ที่ได้ประโยชน์จากตลาดนิ่ง (เช่น Iron Condor) และตลาดผันผวน (เช่น Long Straddle)
3. ควบคุม Leverage อย่างเหมาะสม
- ใช้ Margin อย่างระมัดระวัง ไม่เปิดสถานะเกินตัว
- แนะนำไม่ใช้ Margin เกิน 50% ของพอร์ตโดยรวม
ตัวอย่างการจัดสรรพอร์ตเบื้องต้นสำหรับนักเทรด Option
ประเภทกลยุทธ์ | สัดส่วนโดยประมาณ |
---|---|
Credit Spread (Income) | 40% |
Debit Spread (Directional) | 20% |
Volatility Play (Straddle/Strangle) | 20% |
Cash Reserve (เผื่อ Adjust หรือ Hedge) | 20% |
การมี Cash สำรองในพอร์ตสำคัญมาก เพราะช่วยให้สามารถปรับสถานะหรือ Hedge ได้ในช่วงตลาดผันผวน
หลักการเพิ่มเติมในการจัดสรรพอร์ต
- ตั้ง Maximum Drawdown ที่ยอมรับได้ เช่น ขาดทุนรวมไม่เกิน 10-15% ต่อรอบ
- ตรวจสอบ Exposure รวมของพอร์ต เช่น Net Delta, Net Vega
- ปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนหรือตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด
ข้อควรระวังในการจัดสรรพอร์ต Option
- อย่า Over Concentrate ในกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่งมากเกินไป
- อย่าเทรดด้วยเงินทั้งหมดใน Position เดียว
- อย่าใช้ Margin เต็มจนไม่มี Buffer เหลือในการ Hedge หรือปรับพอร์ต
สรุป
- การจัดสรรพอร์ตเป็นรากฐานสำคัญของการเทรด Option อย่างยั่งยืน
- การกระจายความเสี่ยง, บริหาร Leverage และมีแผนสำรองที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอและลดโอกาสล้างพอร์ต