Volatility Arbitrage

Volatility Arbitrage

ความหมายของ Volatility Arbitrage

Volatility Arbitrage คือกลยุทธ์การเทรดที่มุ่งหวังผลกำไรจากความแตกต่างระหว่างความผันผวนที่คาดการณ์ (Implied Volatility) และความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง (Realized Volatility) ของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น ดัชนี หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยไม่เน้นการคาดการณ์ทิศทางของราคา แต่เน้นการคาดการณ์ระดับความผันผวนของตลาด

Volatility Arbitrage คือกลยุทธ์การเทรด Option ที่มุ่งหากำไรจาก “ต่างหาระหว่าง IV และ RV” ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยใช้ IV (จาก Market) เป็นราคาปัจจุบันที่สะท้อนความคาดหวังของตลาด และพยากรณ์ RV ของเราคือจุดสร้าง Edge

หลักการพื้นฐานของ Volatility Arbitrage

  • Implied Volatility (IV): ความผันผวนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในอนาคต ซึ่งสะท้อนผ่านราคาของออปชั่น
  • Realized Volatility (RV): ความผันผวนที่เกิดขึ้นจริงในอดีต โดยคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์

กลยุทธ์ Volatility Arbitrage จะพยายามหาความแตกต่างระหว่าง IV และ RV เพื่อหาจังหวะในการเข้าเทรด กลยุทธ์พื้นฐาน:

  • IV > RV → ขาย Option → Short Vol

  • IV < RV → ซื้อ Option → Long Vol

การสร้างพอร์ต Delta-Neutral

หนึ่งในวิธีการที่นิยมใช้ใน Volatility Arbitrage คือการสร้างพอร์ตที่มีค่า Delta เป็นศูนย์ (Delta-Neutral) โดยการผสมผสานระหว่างการถือครองออปชั่นและสินทรัพย์อ้างอิงในสัดส่วนที่ทำให้พอร์ตไม่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ แต่ยังคงไวต่อการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน

พอร์ต Delta-Neutral คือหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ Vol Arbitrage ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากทิศทางราคา และเปิดโอกาสให้ทำกำไรจาก Volatility ล้วน ๆ

กลยุทธ์ที่ใช้ใน Volatility Arbitrage

  • Long Straddle: การซื้อ Call และ Put ออปชั่นที่มีราคา Strike เดียวกันและวันหมดอายุเดียวกัน เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
  • Short Straddle: การขาย Call และ Put ออปชั่นที่มีราคา Strike เดียวกันและวันหมดอายุเดียวกัน เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนที่ลดลง
  • Long Strangle: การซื้อ Call และ Put ออปชั่นที่มีราคา Strike ต่างกัน เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
  • Short Strangle: การขาย Call และ Put ออปชั่นที่มีราคา Strike ต่างกัน เพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนที่ลดลง

ตัวอย่างกลยุทธ์ พร้อม Payoff

1. Long Straddle

  • ซื้อ Call + Put ที่ Strike เดียวกัน (ATM)

  • เหมาะเมื่อคาดว่า RV จะพุ่งขึ้นมากกว่า IV ปัจจุบัน

  • ได้กำไรเมื่อราคาเหวี่ยงแรงในทิศทางใดก็ได้

    Entry Point: เมื่อ IV ต่ำกว่า Volatility Cone percentile 25 หรือต่ำกว่า Exit Point: เมื่อกำไรเข้าเป้า หรือเมื่อ IV พุ่งกลับมาสูงกว่าค่าเฉลี่ย + ราคาวิ่งเข้าโซนคุ้มทุน ความเสี่ยง: Time Decay (Theta) และ Vol Collapse หลังเหตุการณ์สำคัญ

Long Straddle

2. Short Straddle

  • ขาย Call + Put ที่ Strike เดียวกัน (ATM)

  • เหมาะเมื่อคาดว่า RV จะต่ำกว่าระดับ IV ที่ตลาดกำหนด

  • ได้กำไรถ้าราคาไม่เคลื่อนไหวและ IV ไม่พุ่ง

    Entry Point: เมื่อ IV อยู่สูงกว่า 80–90th percentile ใน Vol Cone Exit Point: เมื่อราคายังอยู่ในกรอบเดิมและ Time Decay ทำงานเพียงพอ ความเสี่ยง: Black Swan Event / ราคาเหวี่ยงผิดคาด

Short Straddle

3. Calendar Spread

  • ซื้อ Option ระยะไกล ขาย Option ระยะใกล้ (Strike เดียวกัน)

  • ได้ประโยชน์จาก Term Structure ที่ Contango

  • เมื่อ IV ระยะสั้นลดลงเร็วกว่า IV ระยะยาว

    Entry Point: เมื่อ IV ระยะสั้นสูงกว่า IV ระยะยาวผิดปกติ Exit Point: เมื่อ Spread แคบลงหรือใกล้วันหมดอายุของ Short Leg ความเสี่ยง: การเคลื่อนไหวของราคา + Skew เปลี่ยนแปลง + Vega Risk

📈 Payoff: คล้าย Long Vega / ชนะเมื่อ Volatility ระยะสั้นลดลง

4. Reverse Iron Condor

  • ซื้อ Put OTM + Call OTM (ระยะใกล้เคียงกัน)

  • ใช้เพื่อเก็งว่า RV จะเพิ่มขึ้นมากเกิน IV โดยไม่ต้องซื้อ ATM (ซึ่งแพง)

  • ได้กำไรเมื่อราคาเหวี่ยงแรงในทิศทางใดก็ได้ โดยต้นทุนต่ำกว่า Straddle

    Entry Point: เมื่อ IV ต่ำ + RV มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (ดูจาก GARCH หรือ Vol Cone) Exit Point: เมื่อราคาวิ่งออกจากกรอบ Break-even หรือเมื่อ IV เพิ่มขึ้นมากพอ ความเสี่ยง: ขาดทุนเต็ม Premium หากราคาไม่ขยับมากพอ

📈 Payoff Diagram: เหมือน Long Strangle / ชนะเมื่อราคาวิ่งแรง


การวิเคราะห์และการเลือกกลยุทธ์

การเลือกใช้กลยุทธ์ใดขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง IV และ RV รวมถึงการคาดการณ์ทิศทางของความผันผวนในอนาคต นักเทรดต้องใช้เครื่องมือและเทคนิคต่าง ๆ เช่น:

  • การวิเคราะห์กราฟ IV และ RV
  • การใช้ IV Rank และ IV Percentile
  • การวิเคราะห์ Volatility Skew และ Smile

ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Volatility Arbitrage

  • Model Risk: ความเสี่ยงจากการใช้โมเดลที่ไม่แม่นยำในการคาดการณ์ความผันผวน
  • Execution Risk: ความเสี่ยงจากการดำเนินการเทรดที่ไม่ทันเวลา หรือเกิดข้อผิดพลาด
  • Liquidity Risk: ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องในตลาดออปชั่น
  • Gamma Risk: ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของ Delta เมื่อราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลง

ตัวอย่างกรณีศึกษา

นักเทรดสังเกตเห็นว่า IV ของหุ้น XYZ อยู่ที่ 30% ขณะที่ RV ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 20% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า IV สูงกว่า RV มาก นักเทรดจึงตัดสินใจใช้กลยุทธ์ Short Straddle โดยขาย Call และ Put ออปชั่นที่มีราคา Strike เดียวกัน เพื่อเก็งกำไรจากการที่ความผันผวนจะลดลงและ IV จะปรับตัวเข้าหา RV

สรุป

Volatility Arbitrage เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งหวังผลกำไรจากความแตกต่างระหว่างความผันผวนที่คาดการณ์และความผันผวนที่เกิดขึ้นจริง โดยไม่เน้นการคาดการณ์ทิศทางของราคา การประสบความสำเร็จในกลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดออปชั่น การวิเคราะห์ความผันผวน และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ